บล็อกเกอร์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
บทความนี้เกี่ยวกับเว็บไซต์ สำหรับบล็อกเกอร์ที่หมายถึงผู้เขียนบล็อก ดูที่ บล็อก
บล็อกเกอร์ (Blogger) เป็นบริการบล็อกของกูเกิล ภายหลังจากทดลองให้บริการในช่วงระยะพัฒนา และลงทะเบียนได้โดยไม่ขึ้นอยู่กับกูเกิล หรือไม่จำเป็นต้องใช้จีเมลมาระยะหนึ่ง ปัจจุบันการใช้บริการบล็อกเกอร์จำเป็นต้องใช้จีเมล์ในการกรอกเป็นรหัสผ่าน และสิ้นสุดเบต้าเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2549[1]
บล็อกเกอร์ คิดค้นขึ้นโดยไพราแลบ (Pyra Labs) ในปี พ.ศ. 2542 ที่อยู่ของการลงทะเบียนจะอยู่ที่ blogger.com เมื่อลงทะเบียนแล้วจะบันทึกบล็อกในรูป blogname.blogspot.com
บล็อก
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สำหรับความหมายอื่นของ บล็อก ดูได้ที่ บล็อก (แก้ความกำกวม)
บล็อก (blog) เป็นคำรวมมาจากคำว่า เว็บล็อก (weblog) เป็นรูปแบบเว็บไซต์ประเภทหนึ่ง ซึ่งถูกเขียนขึ้นในลำดับที่เรียงตามเวลาในการเขียน ซึ่งจะแสดงข้อมูลที่เขียนล่าสุดไว้แรกสุด บล็อกโดยปกติจะประกอบด้วย ข้อความ ภาพ ลิงก์ ซึ่งบางครั้งจะรวมสื่อต่างๆ ไม่ว่า เพลง หรือวิดีโอในหลายรูปแบบได้ จุดที่แตกต่างของบล็อกกับเว็บไซต์โดยปกติคือ บล็อกจะเปิดให้ผู้เข้ามาอ่านข้อมูล สามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายข้อความที่เจ้าของบล็อกเป็นคนเขียน ซึ่งทำให้ผู้เขียนสามารถได้ผลตอบกลับโดยทันที คำว่า "บล็อก" ยังใช้เป็นคำกริยาได้ซึ่งหมายถึง การเขียนบล็อก และนอกจากนี้ผู้ที่เขียนบล็อกเป็นอาชีพก็จะถูกเรียกว่า "บล็อกเกอร์"
บล็อกเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหลากหลายขึ้นอยู่กับเจ้าของบล็อก โดยสามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร การประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ในหลายด้านไม่ว่า อาหาร การเมือง เทคโนโลยี หรือข่าวปัจจุบัน นอกจากนี้บล็อกที่ถูกเขียนเฉพาะเรื่องส่วนตัวหรือจะเรียกว่าไดอารีออนไลน์ ซึ่งไดอารีออนไลน์นี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้บล็อกในปัจจุบัน นอกจากนี้ตามบริษัทเอกชนหลายแห่งได้มีการจัดทำบล็อกของทางบริษัทขึ้น เพื่อเสนอแนวความเห็นใหม่ใหักับลูกค้า โดยมีการเขียนบล็อกออกมาในลักษณะเดียวกับข่าวสั้น และได้รับการตอบรับจากทางลูกค้าที่แสดงความเห็นตอบกลับเข้าไป เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์
เว็บค้นหาบล็อกเทคโนราที ได้อ้างไว้ว่าปัจจุบันในอินเทอร์เน็ต มีบล็อกมากกว่า 112 ล้านบล็อกทั่วโลก [1]
ความนิยม
บล็อกได้เริ่มมีบทบาทมากขึ้นในปัจจุบันในวงการสื่อมวลชนในหลายประเทศ เนื่องจากระบบแก้ไขที่เรียบง่าย และสามารถตีพิมพ์เรื่องราวได้โดยไม่ต้องใช้ความรู้ในการเขียนเว็บไซต์ โดยนอกเหนือจากที่ผู้เขียนข่าวส่งผลงานให้กับทางสื่อแล้ว ยังได้มาเขียนข่าวในอีกช่องทางหนึ่งในการเผยแพร่ข้อมูล หรือแนวความคิด โดยการเขียนบล็อกสามารถเผยแพร่ข้อมูลสู่ประชาชนได้รวดเร็วและเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า สื่อในด้านอื่น ข่าวที่นิยมในการเขียนบล็อกต่อสื่อมวลชน ส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะเรื่องซุบซิบวงการดารา ข่าวการเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นต้น
จากความนิยมที่มากขึ้น ทำให้หลายเว็บไซต์เปิดให้มีส่วนการใช้งานบล็อกเพิ่มขึ้นมาในเว็บของตนเอง เพื่อเรียกให้มีการเข้าสู่เว็บไซต์มากขึ้นทั้งผู้เขียนและผู้อ่าน
การใช้งานบล็อก
ผู้ใช้งานบล็อกจะแก้ไขและบริหารบล็อกผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์เหมือนการใช้งานและอ่านเว็บไซต์ทั่วไป โดยจะมีรูปแบบบริหารบล็อกที่แตกต่างกัน เช่นบางระบบที่มีบรรณาธิการของบล็อก ผู้เขียนหลายคนจะส่งเรื่องเข้าทางบล็อก และจะต้องรอให้บรรณาธิการอนุมัติให้บล็อกเผยแพร่ก่อน บล็อกถึงจะแสดงผลในเว็บไซต์นั้นได้ ซึ่งจะแตกต่างจากบล็อกส่วนตัวที่จะให้แสดงผลได้ทันที
ผู้เขียนบล็อกในปัจจุบันจะใช้งานบล็อกในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งไม่ว่า ติดตั้งซอฟต์แวร์ของตัวเอง หรือใช้งานบล็อกผ่านทางเว็บไซต์ที่ให้บริการบล็อก
สำหรับผู้อ่านบล็อกจะใช้งานได้ในลักษณะเหมือนอ่านเว็บไซต์ทั่วไป และสามารถแสดงความเห็นได้ในส่วนท้ายของแต่ละบล็อกโดยอาจจะต้องผ่านการลงทะเบียนในบางบล็อก นอกจากนี้ผู้อ่านบล็อกสามารถอ่านบล็อกได้ผ่านระบบฟีด ซึ่งมีให้บริการในบล็อกทั่วไป ทำให้ผู้ใช้สามารถอ่านบล็อกได้โดยตรง ผ่านโปรแกรมตัวอื่นโดยไม่จำเป็นต้องเข้ามาสู่หน้าบล็อกนั้น
บล็อกซอฟต์แวร์
บล็อกซอฟต์แวร์ หรือ บล็อกแวร์ เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในอินเทอร์เน็ต ในลักษณะของระบบจัดการเนื้อหาเว็บ ที่ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และผู้เขียนหรือดูแลบล็อกจะแยกจากกันต่างหาก ส่งผลให้ผู้เขียนบล็อกสามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องมีพื้นฐานความรู้ในด้านเอชทีเอ็มแอล หรือการทำเว็บไซต์แต่อย่างใด ทำให้ผู้เขียนบล็อกสามารถใช้เวลาส่วนใหญ่ในการ บริหารจัดการ เพิ่มเติม ข้อมูลและสารสนเทศแทนได้ นอกจากนี้บล็อกซอฟต์แวร์จะสนับสนุน ระบบ WYSIWYG ซึ่งทำให้ง่ายต่อการเขียน และอาจเพิ่มเติมการมีเทมเพลตในหลายแบบให้เลือกใช้
ซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่สามารถดาวน์โหลดและติดตั้งได้ทันทีโดยผู้ใช้ ซึ่งซอฟต์แวร์บางส่วนเป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ซึ่งผู้พัฒนาสามารถนำมาปรับแก้ เป็นของตนเอง ติดตั้งไว้ใช้เป็นบล็อกส่วนตัว หรือเผยแพร่ให้คนอื่นมาใช้งานได้ ส่วนซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์นั้น จะมีทั้งในรูปแบบที่ให้ใช้งานแบบเสียค่าใช้จ่ายหรือให้ใช้งานฟรี
บล็อกซอฟต์แวร์ที่เป็นที่รู้จัก
รายชื่อบล็อกซอฟต์แวร์ที่เป็นที่นิยมพร้อมทั้งชื่อซอฟต์แวร์ที่ใช้พัฒนาในวงเล็บ
-ดรูปาล (พีเอชพี/มายเอสคิวแอล)
-เวิร์ดเพรสส์ (พีเอชพี/มายเอสคิวแอล)
-สแลช (เพิร์ล)
-ไลฟ์ไทป์ (พีเอชพี/มายเอสคิวแอล)
ผู้ให้บริการบล็อกที่เป็นที่รู้จัก
รายชื่อผู้ให้บริการบล็อกที่มีชื่อเสียง
-บล็อกเกอร์ (กูเกิล)
-ไทป์แพด
-เวิร์ดเพรสส์
-ยาฮู! 360° หรือ ยาฮู!เดย์ (ยาฮู!)
-วินโดวส์ไลฟ์ สเปซเซส (ไมโครซอฟท์)
-มายสเปซ
-มัลติไพล
ผู้ให้บริการบล็อกในประเทศไทยที่เป็นที่รู้จัก
-Blognone บล็อกสำหรับเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเทคโนโลยีและข่าวไอทีอย่างเดียว
-เอ็กซ์ทีน
-Ndesignsblog
-GotoKnow
-Bloggoo
-learners.in.th
-บล็อกแก๊ง
-โอเคเนชั่น
จีเมล (Gmail) เป็นบริการฟรีอีเมลของกูเกิลผ่านทางระบบเว็บเมลและ POP โดยในขณะโปรแกรมอยู่ในระยะพัฒนา กูเกิลได้ให้ทดลองใช้เฉพาะผู้ที่ได้รับคำเชิญเท่านั้น และสามารถทดลองใช้ ตั้งแต่ 1 เมษายน พ.ศ. 2547[1] แต่ปัจจุบันสามารถสมัครได้ทันที[2] ปัจจุบันจีเมลรับรองการใช้งาน 52 ภาษารวมถึงภาษาไทย [3]
ระบบการใช้งานของจีเมลใช้คุณสมบัติเด่นของ AJAX ที่ใช้งานจาวาสคริปต์และการใช้งานผ่านทางคีย์บอร์ด ซึ่งทำให้สะดวกต่อการใช้งาน
การพัฒนา
ภาษาพัฒนา
การเริ่มโครงการจีเมลของ กูเกิลนั้นเริ่มพัฒนาขึ้นมาหลายปีก่อนที่จะเปิดให้บริการ โดยในระยะแรกเริ่มของการเปิดให้บริการ จะให้สิทธิ์ในการสมัครจีเมลโดยแจกจ่ายสิทธิทางอีเมลเชิญชวนเท่านั้น จนกระทั่งต่อมาจึงได้ยกเลิกการสงวนสิทธิ์ดังกล่าว โดยเปิดให้สมัครได้กับทางเว็บไซต์โดยตรง โดยหลักแล้วภาษาที่ใช้พัฒนาคือAjax เป็นภาษาที่ใช้ในเว็บรุ่น 2.0 (เน้นหนักไปที่ AJAXSLT framework[ต้องการแหล่งอ้างอิง]) นอกจากนี้จะมีการเรียกใช้คุณสมบัติของ JavaScript ภายในเครื่องเพื่อการรับค่าแสดงผล จีเมลสามารถรับภาษาได้มากกว่า 52 ภาษาทั่วโลก
ในวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2549 จีเมลได้มีการทดลองก่อนที่ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์[4] ในญี่ปุ่น 3 กันยายน พ.ศ. 2549[ต้องการแหล่งอ้างอิง] และในอียิปต์ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2549[5] นอกจากนั้นวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 เปิดให้ลงทะเบียนทั้งในยุโรป อเมริกากลาง และอัฟริกา[6] จนกระทั่งระบบรองรับการใช้งาน ทำการเปิดให้ลงทะเบียนใช้งานได้ทั่วโลกโดยไม่ได้ติดป้าย ทดลองใช้ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550[6]
เครื่องบริการ
ระบบปฏิบัติการที่ให้บริการจีเมลคือ เครื่อเซิร์ฟเวอร์ของกูเกิล GFE/1.3 server พร้อมระบบปฏิบัติการลินุกซ์[7][8]
พื้นที่เก็บอีเมล
ในระยะแรก จีเมลจะให้พื้นที่เก็บอีเมล 1 จิกะไบต์ต่อหนึ่งอีเมลของจีเมล และตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2548 เป็นต้นมา[9] จีเมลจะเพิ่มพื้นที่ให้มากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งในปัจจุบันให้พื้นที่มากกว่า 7.264 จิกะไบต์ และจะยังคงเพิ่มขึ้นทีละน้อยอยู่ตลอดเวลา โดยหากมีการใช้งานมาก ต้องการความจุเพิ่มขึ้นจากที่ทางจีเมลให้บริการฟรี สามารถอัปเกรดได้โดยเสียค่าบริการเพิ่ม
รูปร่างหน้าตา
โดยเริ่มแรก จีเมลยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้ แต่ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2008 จีเมลได้เพิ่มชุดรูปแบบกราฟิกการแสดงผล (สกิน) ของกูเกิลให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ได้
โปรแกรมท่องอินเทอร์เน็ตที่รองรับ
จีเมลสามารถแสดงผลได้ดีตามรายชื่อต่อไปนี้ : อินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์ 5.5+, มอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์ 1.0+, Safari 1.2.1+, K-Meleon 0.9+, Netscape 7.1+, Opera 9+, กูเกิล โครม โดยมีการเพิ่มโค้ดในการรองรับ Firefox 2.0+ และ Internet Explorer 7 / 8
จีเมลสามารถใช้งานแบบไม่มีการใช้จาวาและอาเจ็คได้โดยมีชื่อว่า "Basic HTML view" หรือแสดงผลแบบเอชทีเอ็มแอลปกติ ในกรณีที่ไม่สามารถใช้งานในแบบปกติได้ เช่น ใช้เว็บเบราว์เซอร์รุ่นเก่า หรือไม่ได้เปิดการทำงานของจาวาสคริปต์ไว้ จีเมลจะเข้าระบบเอชทีเอ็มแอลปกติ
การรองรับภาษา
บทความนี้ได้รับแจ้งว่าควรปรับปรุงเรื่องการใช้ภาษา หรือมีรูปแบบการเขียนที่บกพร่อง
เนื้อหาอาจแปลมาจากภาษาอื่นโดยไม่สมบูรณ์ หรือเขียนในลักษณะภาษาที่ไม่เป็นวิชาการ
คุณสามารถช่วยปรับปรุงไวยากรณ์ให้เหมาะสม สะกดให้ถูกต้อง แก้ไขให้เป็นสารานุกรม
รายละเอียดเพิ่มเติม คู่มือในการเขียน - การทับศัพท์จากภาษาอื่น - ป้ายนี้มีไว้เพื่ออะไร
จีเมลในปัจจุบันมีการรองรับภาษาทั่วโลกได้ 52 ภาษาแล้ว นอกเหนื่อจากภาษาอังกฤษและอเมริกา มีดังนี้: อราบิค, บัลแกเรีย, คาตาล๊อก, จีนกลาง, จีนแต้จิ๋ว, โครเอเชียน, Czech, เดนมาร์ก, ดัตช์, อังกฤษ (UK), อังกฤษ (US), เอสโตเนียน, ฟินนิช, ฝรั่งเศส, เจอรเมเนีย, กรีซ, Gujarati, ฮีบรู, ฮินดี, ฮังกาเรียน, ไอซ์แลนดิค, อินโดนีเซีย, อิตาลี , ญี่ปุ่น, คันนาดะ, เกาหลี, Latvian, Lithuanian, มาเลย์, มาลายาลัม , Marathi, นอเวกิส (Bokmål), ออลิซย่า, โปแลนด์, Punjabi, Portuguese (Brazil), โปรตุเกส , Romanian, Russian, เซอร์เบีย, Sinhala, สโลวัก, สโลวาเนีย, Spanish, สวีดิส, ตากาล็อก (ฟิลิปิโน) , ทาเนีย, เตลูกู, ไทย, ตุรกี, ยูเครน, อูดา,คานาดะ, and เวียดนาม
การใช้งานร่วม
จีเมลมีความสามารถในการใช้งานระหว่าง Blogger หรือระบบโทรศัพท์มือถือได้หลายอย่าง โดยสามารถใช้งานได้โดยไม่มีการเรียกใช้โปรแกรมภายในเครื่องจะเป็นระบบข้อความ text messagingในเฉพราะโทรศัพท์ที่มีระบบการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ท [10]
คุณสมบัติอื่นๆ
คุณสมบัติของจีเมล
■ รับรองระบบ POP3 IMAP และ STMP รองรับการเพิ่มบัญชี 5 ชื่อ
■ มีระบบการค้นหาภายใน ทั้งที่เป็นอีเมลเฉพาะหมวดหมู่ที่ผู้ใช้กำหนดขึ้น และอีเมลทั้งหมด
■ สามารถแท็ก อีเมลเพื่อแยกเป็นหมวดหมู่ได้ มีป้ายกำกับให้โดยเฉพาะ
■ มีระบบป้องกันสแปมและป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์และระบบคัดกรองจดหมายขยะด้วยตนเองได้
■ มีบริการแชทจากหน้าจอเว็บเบราว์เซอร์ ที่เรียกว่า กูเกิลทอล์ก โดยรองรับการเชื่อมต่อด้วยกล้องแล้ว
■ มีระบบบันทึกอีเมลก่อนส่ง และระบบบันทึกอัตโนมัติ (auto-save) สามารถเซฟอีเมลที่เรากำลังพิมพ์อยู่ได้ ทำให้ถึงแม้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีปัญหา หรือเกิดไฟดับ เราอาจจะไม่ต้องมาพิมพ์ใหม่ทั้งหมดพร้อมทั้งการเก็บบันทึกไว้เป็บแบบร่างได้ทันที
■ สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบหน้าต่างของจีเมลได้
■ บริการทั้งหมดเป็นบริการฟรี ยกเว้นการซื้อพื้นที่เก็บอีเมลเพิ่มขึ้นจากพื้นที่ที่จีเมลจัดให้
การใช้ชื่อ
ทางกูเกิลได้ใช้ชื่อการให้บริการอีเมลของกูเกิลว่า จีเมล (Gmail) ในเกือบทั่วโลก โดยยกเว้นการใช้ชื่อนี้ ในประเทศเยอรมนี และสหราชอาณาจักร และใช้ชื่ออื่นคือ "กูเกิลเมล" (Google Mail) เนื่องจากชื่อ Gmail ซ้ำกับชื่อที่มีอยู่แล้วของบริการอื่น จึงได้เปลี่ยนชื่อเพื่อความเหมาะสมในการให้บริการ และเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาลิขสิทธิ์ที่อาจเกิดขึ้นได้
รางวัลที่ได้รับ
จีเมลได้รับรางวัลที่สองจากงาน "PC World's "100 Best Products of 2005"[11] และ มอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์ได้มอบรางวัล "Honorable Mention" ในงาน The Bottom Line Design Awards 2005[12] นอกจากนี้ยังมีรางวัลอื่น ๆ ที่ทางจีเมลได้รับ โดยจะมีการบันทึกข้อมูลไว้ในเว็บไซต์ของจีเมลเอง[13]
ผู้ให้บริการอีเมลอื่น
■ เอโอแอล AOL
■ ฮอตเมล - วินโดวส์ไลฟ์ ฮอตเมล HotMail - Windows Live Massanger
■ ยาฮู! Yahool !
วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553
วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2552
"Google"
"Google"
ชื่อ "Google" มาจากคำว่า "googol" ซึ่งหมายถึงจำนวนทางคณิตศาสตร์ที่หมายถึงเลข 1 แล้วตามด้วยเลข 0 อีกหนึ่งร้อยตัว หรือ 10100 เพื่อเป็นการแสดงถึงเป้าหมายของบริษัทที่จะจัดการกับข้อมูลจำนวนมหาศาล อีกกระแสหนึ่งบอกว่าชื่อ Google มาจากความผิดพลาดในการจดโดเมนเนมในช่วงก่อตั้ง
ในวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 กูเกิลชนะความในศาล ในคดีที่มีบริษัทอื่นตั้งชื่อใกล้เคียง ได้แก่ googkle.com ghoogle.com และ gooigle.com เพื่อเรียกให้คนอื่นเข้าเว็บไซต์ของตน ทำให้เกิดความเสียหายกับชื่อเสียงของกูเกิล
ชื่อ "Google" มาจากคำว่า "googol" ซึ่งหมายถึงจำนวนทางคณิตศาสตร์ที่หมายถึงเลข 1 แล้วตามด้วยเลข 0 อีกหนึ่งร้อยตัว หรือ 10100 เพื่อเป็นการแสดงถึงเป้าหมายของบริษัทที่จะจัดการกับข้อมูลจำนวนมหาศาล อีกกระแสหนึ่งบอกว่าชื่อ Google มาจากความผิดพลาดในการจดโดเมนเนมในช่วงก่อตั้ง
ในวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 กูเกิลชนะความในศาล ในคดีที่มีบริษัทอื่นตั้งชื่อใกล้เคียง ได้แก่ googkle.com ghoogle.com และ gooigle.com เพื่อเรียกให้คนอื่นเข้าเว็บไซต์ของตน ทำให้เกิดความเสียหายกับชื่อเสียงของกูเกิล
ความรู้เกี่ยวกับบิต (Bit)
บิต
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
บิต (bit) เป็นหน่วยข้อมูลที่เล็กที่สุด ใช้ระบบคอมพิวเตอร์แบบดิจิทัล และทฤษฎีข้อมูล
ข้อมูลหนึ่งบิต มีสถานะที่เป็นไปได้ 2 สถานะ คือ
0 (ปิด)
1 (เปิด)
เคลาด์ อี แชนนอน (Claude E. Shannon) เริ่มใช้คำว่า บิต ในงานเขียนของเขาในปี พ.ศ. 2491 โดยย่อจากคำเต็มคือ binary digit (หรือ binary unit) แชนนอนได้กล่าวถึงที่มาของคำนี้ว่ามาจาก จอห์น ดับบลิว ทูคีย์ (John W. Tukey)
ไบต์ (byte) เป็นกลุ่มของบิต ซึ่งเดิมมีได้หลายขนาด แต่ปัจจุบัน มักเท่ากับ 8 บิต ไบต์ขนาด 8 บิต มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า ออกเท็ต (octet) สามารถเก็บค่าได้ 256 ค่า (28 ค่า, 0 ถึง 255) ส่วนปริมาณ 4 บิต เรียกว่านิบเบิล (nibble) สามารถแทนค่าได้ 16 ค่า (24 ค่า, 0 ถึง 15)
เวิร์ด (word) เป็นคำที่ใช้เรียกจำนวนบิตที่มากขึ้น แต่ก็ไม่มีขนาดเป็นมาตรฐานตายตัว บนเครื่องคอมพิวเตอร์สถาปัตยกรรม IA-32 จำนวน 16 บิตจะเรียกว่าเวิร์ด ในขณะที่ 32 บิตเรียกว่า ดับเบิลเวิร์ด (double word) หรือ dword ในขณะที่สถาปัตยกรรมอื่น ๆ หนึ่งเวิร์ดมีค่าเท่ากับ 32 บิต, 64 บิต หรือค่าอื่น ๆ
ในระบบโทรคมนาคม หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ความเร็วในการส่งนิยมใช้หน่วยในรูปของ บิตต่อวินาที (bps - bits per second)
บิตเป็นหน่วยวัดข้อมูลเล็กที่สุดที่ใช้กันทั่วไป แต่ในขณะนี้มีการวิจัยกันในเรื่องการคำนวณทางควอนตัม (quantum computing) ซึ่งใช้หน่วยวัดข้อมูลเป็น คิวบิต (qubit) (quantum bit)
[แก้] หน่วยนับ
1 กิโลบิต(Kb) = 1000 บิต หรือ 1024 บิต
1 เมกะบิต(Mb) = 1000 กิโลบิต หรือ 1024 กิโลบิต
1 จิกะบิต(Gb) = 1000 เมกะบิต หรือ 1024 เมกะบิต
1 เทราบิต(Tb) = 1000 จิกะบิต หรือ 1024 จิกะบิต
ดึงข้อมูลจาก "http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%95".
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
บิต (bit) เป็นหน่วยข้อมูลที่เล็กที่สุด ใช้ระบบคอมพิวเตอร์แบบดิจิทัล และทฤษฎีข้อมูล
ข้อมูลหนึ่งบิต มีสถานะที่เป็นไปได้ 2 สถานะ คือ
0 (ปิด)
1 (เปิด)
เคลาด์ อี แชนนอน (Claude E. Shannon) เริ่มใช้คำว่า บิต ในงานเขียนของเขาในปี พ.ศ. 2491 โดยย่อจากคำเต็มคือ binary digit (หรือ binary unit) แชนนอนได้กล่าวถึงที่มาของคำนี้ว่ามาจาก จอห์น ดับบลิว ทูคีย์ (John W. Tukey)
ไบต์ (byte) เป็นกลุ่มของบิต ซึ่งเดิมมีได้หลายขนาด แต่ปัจจุบัน มักเท่ากับ 8 บิต ไบต์ขนาด 8 บิต มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า ออกเท็ต (octet) สามารถเก็บค่าได้ 256 ค่า (28 ค่า, 0 ถึง 255) ส่วนปริมาณ 4 บิต เรียกว่านิบเบิล (nibble) สามารถแทนค่าได้ 16 ค่า (24 ค่า, 0 ถึง 15)
เวิร์ด (word) เป็นคำที่ใช้เรียกจำนวนบิตที่มากขึ้น แต่ก็ไม่มีขนาดเป็นมาตรฐานตายตัว บนเครื่องคอมพิวเตอร์สถาปัตยกรรม IA-32 จำนวน 16 บิตจะเรียกว่าเวิร์ด ในขณะที่ 32 บิตเรียกว่า ดับเบิลเวิร์ด (double word) หรือ dword ในขณะที่สถาปัตยกรรมอื่น ๆ หนึ่งเวิร์ดมีค่าเท่ากับ 32 บิต, 64 บิต หรือค่าอื่น ๆ
ในระบบโทรคมนาคม หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ความเร็วในการส่งนิยมใช้หน่วยในรูปของ บิตต่อวินาที (bps - bits per second)
บิตเป็นหน่วยวัดข้อมูลเล็กที่สุดที่ใช้กันทั่วไป แต่ในขณะนี้มีการวิจัยกันในเรื่องการคำนวณทางควอนตัม (quantum computing) ซึ่งใช้หน่วยวัดข้อมูลเป็น คิวบิต (qubit) (quantum bit)
[แก้] หน่วยนับ
1 กิโลบิต(Kb) = 1000 บิต หรือ 1024 บิต
1 เมกะบิต(Mb) = 1000 กิโลบิต หรือ 1024 กิโลบิต
1 จิกะบิต(Gb) = 1000 เมกะบิต หรือ 1024 เมกะบิต
1 เทราบิต(Tb) = 1000 จิกะบิต หรือ 1024 จิกะบิต
ดึงข้อมูลจาก "http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%95".
วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)